
วัฒนธรรมการดื่มชาสไตล์ไทย
ประเทศไทยมีวัฒนธรรมการบริโภคชามาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ในช่วงที่มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับจีน พบว่าได้มีการดื่มชากัน แต่ไม่ปรากฏหลักฐาน ที่ปรากฏชัดเจนคือ จากจดหมายเหตุของท่านลาลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศส ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ถูกบันทึกเมื่อปี พ.ศ. 2230 กล่าวไว้ว่าคนไทยได้รู้จักการดื่มชาแล้ว โดยนิยมชงชาเพื่อรับแขก มีการบันทึกไว้บางตอนว่า
“ชาวสยาม ดื่มน้ำชาสำหรับสบายใจและสนทนาเพลิน…คนสยามในกรุงศรีอยุธยามีประเพณีส่งน้ำชาให้แก่บรรดาผู้ที่มาเยี่ยมเยือน”
การดื่มชาของคนไทยนั้นดื่มแบบชาจีนไม่ใส่น้ำตาล ปัจจุบันนิยมดื่มชาคู่กับขนมหวาน
ดังนั้น 300 กว่าปีก่อน ชาวไทยสยามก็มีประเพณีชงน้ำชาต้อนรับแขกกันแล้ว ใบชาที่ใช้ชงดื่มในสมัยนั้นคงนำเข้ามาจากประเทศจีน เพราะอีก 186 ปีหลังจากนั้น คือ ปี พ.ศ. 2416 ปรากฏคำอธิบายศัพท์คำว่า “ชา” ในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ หรือ พจนานุกรม (ไทย-ไทย) ของหมอบรัดเลย์ว่า “ชา เป็นชื่อใบไม้มาแต่เมืองจีน” และ “ชาดี คือ ใบชาอย่างดีที่มีมาแต่เมืองจีน สำหรับใส่ในน้ำร้อนกินให้สบายใจนั้น” เห็นได้ว่าเมื่อปี พ.ศ. 2416 ชาวไทยสยามสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ก็ยังดื่มน้ำชาเพื่อความ “สบายใจ” เช่นเดียวกับเมื่อปี พ.ศ. 2230 สมัยกรุงศรีอยุธยา

วัฒนธรรมชาสมุนไพร
จากบทประพันธ์ข้างต้น ได้กล่าวไว้ว่าสมุนไพรนั้นอยู่คู่คนไทยมานับพันปี แต่เมื่อการแพทย์แผนปัจจุบันเริ่มเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น สรรพคุณและคุณค่าของสมุนไพรอันเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าภูมิปัญญาโบราณก็เริ่มถูกบดบังไปเรื่อยๆ และถูกทอดทิ้งไปในที่สุด
ความจริงคนส่วนใหญ่ก็พอรู้ๆกันว่า สมุนไพรไทยเป็นสิ่งที่มีคุณค่าใช้ประโยชน์ได้จริง และใช้ได้อย่างกว้างขวาง แต่เป็นเพราะว่า เราใช้วิธีรักษาโรคแผนใหม่มานานมากจนวิชาแพทย์แผนโบราณที่มีสมุนไพรเป็นยาหลักถูกลืมจนต่อไม่ติด และสมุนไพรนั้นควรจะได้รับการศึกษา สืบสานต่อไปเพื่อให้คนยุคต่อๆไปไม่ลืมเลือนไป
ชาสมุนไพร
สมุนไพรที่ใช้รูปแบบในการบริโภคเช่นเดียวกับชา เรามักจะเรียกว่า
“ชาสมุนไพร” ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่น ที่ต้องการคงไว้ ไม่ให้สูญเสียกับความร้อนที่มากเกินไป และผู้บริโภคที่นิยมดื่มชาสมุนไพร
นอกจากต้องการฤทธิ์ทางยาแล้วยังต้องการสัมผัสกลิ่นที่ละเมียดละไมจากสมุนไพรด้วย


การดื่มชาสมุนไพรหลังอาหาร หรือดื่มไปพร้อม ๆ กับการรับประทานอาหารนั้น นอกจากจะเป็นการช่วยบำรุงสุขภาพร่างกายแล้วในทางแพทย์วิจัยได้ว่า ยังสามารถช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายในหลาย ๆ ส่วน เช่น ระบบการย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย ระบบปัสสาวะ หัวใจทำงานได้ดี และยังเป็นตัวช่วยสะสาง ขับล้างไขมัน ที่เกาะติดอยู่ตามลำไส้อีกด้วยหรือที่เรียกว่า Detox
สมุนไพรที่บ้านเรามีอยู่มากมายนี้ล้วนแล้วแต่ มีประโยชน์แถมยังหาได้ง่ายอีกด้วย ประโยชน์ของ
ชาสมุนไพรมีมากมายมหาศาล ยุคนี้ต้องดูแลตัวให้ดีก่อนถึงมือหมอน่าจะเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนต่างปรารถนามากที่สุด


ชาสมุนไพร คุณค่าวัฒนธรรมของตะวันออกที่แพร่กระจายไปทั่วโลก
การดื่มชาสมุนไพร ก็คือการสานต่อวัฒนธรรมสุขภาพดั้งเดิม ทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำอัดลมที่มีเพียง น้ำตาลสร้างความหวาน คาเฟอีน และกลิ่นสังเคราะห์แล้วอัดลมลงไป
ลองหันมาดื่มชาสมุนไพรไทยที่มีคุณค่าและคุณประโยชน์และยัง ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอีกด้วย
สมุนไพรนับว่าเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติอย่างแท้จริง สมุนไพรก่อเกิดตามธรรมชาติ และพัฒนาคู่เคียงกับการแสวงหา
ทางออกในด้านสุขภาพของมนุษย์ สมุนไพรมีความหมาย และทรงคุณค่าหลายมิติแตกต่างกันไปตามยุคสมัยของสังคมโลกและสังคมไทย แม้โลกยุคใหม่จะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ยาแผนใหม่ จากสารเคมีหลายชนิดได้เข้ามาแทนที่สมุนไพรมิใช่ว่าจะทดแทนคุณค่าของสมุนไพรที่มีอยู่ได้ดี คุณค่าของสมุนไพรกำลังได้รับความสำคัญ และพัฒนาให้เป็นระบบครบวงจร อันทำให้สมุนไพรมีคุณค่าในการพัฒนาสังคมไทยได้หลายมิติ และอย่างยั่งยืนในอนาคต


